พ่อครับมันสายไปแล้วหรือ - พ่อครับมันสายไปแล้วหรือ นิยาย พ่อครับมันสายไปแล้วหรือ : Dek-D.com - Writer

    พ่อครับมันสายไปแล้วหรือ

    ดอกไม้ไฟสว่างไสวผมทำได้แค่นั่งบรรยายภาพให้พ่อฟัง กระซิบข้างๆหู บอกพ่อได้ยินไหม

    ผู้เข้าชมรวม

    307

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    307

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ธ.ค. 49 / 18:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เสียงจุดพลุสว่างไสวในคืนวันที่ 4 ธันวาคม ผมแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าจากระเบียงชั้นสองของบ้าน จากจุดที่ผมยืนอยู่สามารถมองเห็นพลุได้อย่างชัดเจน แต่ละเส้นสายที่จุดไปบนฟ้านับหมื่นดวง ที่บรรดาพสกนิกรต่างจุดถวายพระพรพ่อหลวงของไทย ผมบรรยายว่าพลุลูกแรกถูกจุดขึ้นมาเป็นสีแดงและกระจายตัวออกมาและลูกที่สองก็ถูกจุดตามขึ้นมาอย่างกระชั้นชิด แต่คำพูดที่ผมบรรยายบางครั้งผมต้องไปเรียนการพูดเพิ่มเติม เพราะว่าบางทีการที่ผมบรรยายสิ่งเหล่านี้คนที่ฟังผมอาจจะไม่เข้าใจถึงความสวยงามของมันด้วยซ้ำว่าสีสันมันเป็นอย่างไร แม้ว่าคนที่ฟังผมอยู่ตอนนี้จะเคยเห็นพลุที่ถูกจุดขึ้นบนฟ้ามาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ความงามของมันที่เห็นด้วยตาตัวเองและคุณค่าแห่งการมองเห็น การได้ยืนแหงนขึ้นไปบนฟ้าด้วยสองขา แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับพ่อของผม พ่อของผมนอนอยู่บนเตียงมาสิบปีแล้ว ตอนนี้พ่อของผมเป็นอัมพาธและดวงตากลับมืดพล่าอยู่ในโลกที่มืดมิด ผมยังจำได้ถึงเหตุการณ์เมื่อสิบปีที่ผ่านมา............................


      ขณะนั้นผมยังเป็นนักเรียนช่างกลแห่งหนึ่ง ด้วยสภาวะแวดล้อมและเพื่อนฝูงจะเรียกว่าผมเป็นเด็กที่เกเรคนนึงก็ได้ เพื่อนอยู่ที่ไหนผมก็เฮด้วยที่นั่น ทุกเย็นเช้าค่ำที่พึ่งพาอยู่ที่ขวดกลมๆ ที่เรียกว่าเหล่าและเบียร์ แต่ผมยังโชคดีนิดนึงที่สิ่งเสพย์ติดประเภทอื่นผมไม่ได้ทดลองไม่งั้นผมคงจะชั่วและเรียกกลับคืนมาไม่ได้เหมือนกับวันนี้


      "เฮ้ย ไอ้เม้ง วันนี้เวรมึงซื้อเหล้าแล้วนะ" ไอ้ไก่เพื่อนร่วมสาขาและเป็นหัวหน้าแก๊งค์ที่ใครๆ ก็เรียก ไก่ โต้รุ่ง ด้วยความที่ว่ามันไม่เคยกลับบ้านเลยสักครั้ง ทุกวันมันจะแวะเวียนไปตามห้องเพื่อนหรือไม่ก็ห้องของหญิงๆ ของมัน

      "อะไรต้องเป็นกูด้วยวะ เมื่อวานก็กูแล้วไม่ใช่เหรอ" ทุกทีผมจะยอมแต่บางครั้งมันก็ต้องมีอาการแสดงออกถึงศักดิ์ศรีบ้าง เรื่องอะไรผมจะยอมทุกเรื่อง ถ้าจะให้ผมออกตลอดมีหรือผมจะยอม ครับเงินทุกบาททุกสตางค์ผมไม่สามารถหาได้เอง ผมยังต้องแบเงินขอจากพ่อตลอดเวลา ในชีวิตช่วงนั้นพ่อผมทำงานเพียงคนเดียว แม่ผมได้เสียไปตั้งแต่ผมยังเล็ก ด้วยความที่ผมขาดแม่ไป พ่อยังต้องทำงาน เวลาของผมก็พ่อเลยไม่ค่อยจะมีเวลาได้เจอกันเท่าไหร่ ผมกลับถึงบ้านไม่เคยเจอพ่อกลับมาถึงก่อนสักครั้ง แรกๆ ผมก็กลับถึงบ้านตรงเวลา และเริ่มพฤติกรรมกลับบ้านมาดึกขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พ่อก็ยังคงไม่กลับบ้าน จนในที่สุดผมก็ชนะพ่อ พ่อกลับมาถึงบ้านก่อนผม ไม่เลยมันต่างกัน พ่อไปทำงานกลับดึก แต่ผมไปเที่ยวกลับดึก พ่อไม่เคยเมาเหล้ากลับมาให้ผมหาม แต่ผมกลับบ้านเมาแทบหัวราน้ำ ต้องให้พ่อลากขึ้นไปบนห้อง พ่อผมเริ่มด่า แต่ผมก็เริ่มเถียง ฤทธิ์สุราทำให้ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้ผมกำลังพูดอยู่กับใคร บุพการีใช่ไหม คนนี้ใช่ไหมที่เลี้ยงดูผมมาจนอายุป่านนี้ คนนี้ใช่ไหมที่หาเงินส่งเสียให้ผมได้เรียนหนังสือ


      "พ่อ วันนี้ผมต้องเอาเงินไปจ่ายค่ากิจกรรมที่โรงเรียน" ผมโกหกพ่อ จริงๆกิจกรรมที่โรงเรียนกับผมไม่เคยถูกกันอยู่แล้ว วันไหนที่มีกิจกรรมเป็นวันที่ผมและเพื่อนๆโดดกันได้อย่างสบายใจ เพราะว่าไม่มีเช็คชื่อ พวกผมก็จะไปรวมตัวกันตามห้างสรรพสินค้า หรือสถานบันเทิงใกล้ๆ

      "เอาเท่าไหร่ล่ะ" พ่อผมพูดโดยยังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะและไม่คิดจะมามองหน้าผม

      "สองพันครับ" พอผมพูดจบพ่อก็หยิบเงินในกระเป๋าสตางค์วางไว้บนโต๊ะและพ่อก็ยังคงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป ผมคิดว่าพ่อคงไม่สนใจผม คิดว่าการให้เงินคงจะให้ความสุขผมได้ แต่เปล่าหรอกผมมารู้ทีหลังว่าที่พ่อยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมเพราะพ่ออดไม่ได้ที่จะต้องมีปากเสียงจนทำให้ทะเลาะกันและทำให้ผมไม่กลับบ้าน ผมตัดสินใจที่จะไม่ทะเลาะกับผมคิดเพียงให้ผมกลับมาบ้านให้ไวกว่าเค้า ทุกวันนี้ผมยังคงกลับบ้านดึกกว่าพ่อ ตรงกันข้ามกับพ่อที่พยายามกลับถึงบ้านให้เร็วขึ้น ผมจากห้าโมงเย็นเป็นกลับห้าทุ่ม พ่อจากสามทุ่มเป็นกลับถึงบ้านหกครึ่ง เห็นไหมครับ มันเป็นการสวนทางกันที่น่ากลัว


      "เฮ้ย ไอ้เม้ง วันนี้กูจะไปเล่นไอ้ช่างกล....หน่อยมึงไปกับกูเย็นนี้นะ ไปดักแ ม่งเลย" ไอ้ไก่หัวหน้าแก๊งค์พูดชักจูง ถึงแม้ผมจะกินเหล้าและเกเร แต่การยกพวกไปรุมหาเรื่องเค้าก่อนผมยังไม่เคย เคยแต่ป้องกันตัวเองแต่ก็ไม่เคยอยู่เดี่ยวๆให้พวกนั้นมารุมสกรัมได้เลยสักที

      "กูไม่ไปว่ะ" ผมตอบปฏิเสธกลับไป และก็มีเสียงตอบกลับมาทันควัน "เฮ้ยไอ้ปอดแหก มึงไปนุ่งกระโปรงเลยไปไอ้เม้ง ไอ้หน้าตัวเมีย"

      ตอนนี้ผมถูกดูถูกอะไรก็ดูถูกได้แต่เล่นให้ผมไปนุ่งกระโปรง เรียกผมว่าหน้าตัวเมีย แบบนี้เลือดนักสู้ของผมก็สูบฉีดขึ้นมา "เฮ้ย กูไปก็ได้วะ ที่ไหน"

      วันนี้เป็นวันที่พ่อบอกว่าพ่อจะกลับบ้านไว เพราะพ่อบอกผมไว้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อ พ่ออยากจะกลับบ้านมาฉลองวันเกิดกับผม และบอกให้ผมรีบกลับมา วันนี้พ่อบอกจะซื้อของมากินกัน พ่อวาดฝันไว้สวยหรู ถึงกับเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทอีกสองสามคนให้มาร่วมรับประทาน กี่ปีแล้วหนอตั้งแต่ผมโตและเข้าสู่วัยหนุ่ม ผมเริ่มห่างเหินกับพ่อขึ้นเรื่อยๆ  จำได้ไหมว่าวันเกิดครั้งล่าสุดที่ผมยังฉลองกับพ่อ พ่อให้ของขวัญเป็นอะไรแก่ผม แต่วันนี้วันเกิดพ่อ ผมกลับพาเรื่องร้ายแรงเป็นของขวัญวันเกิดพ่อ และเป็นตราบาปให้ผมไปชั่วชีวิต


      วันนี้อยู่ในช่วงหน้าฝน ท้องฟ้าในกรุงเทพชุ่มช่ำไปด้วยสายฝนที่เทหล่นจากฟ้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมนั่งมอเตอร์ไซด์ไปคันเดียวกับไอ้ไก่ และเพื่อนๆ อีกห้าหกคนก็ขี่ตามมาอย่างใกล้ชิด เพื่อไปดักหน้าที่โรงเรียนของฝ่ายอริ เวลานี้ก็ใกล้ทุ่มเข้าไปทุกขณะ นักเรียนของอีกฝั่งบางคนก็เริ่มทยอยออกมาจากโรงเรียนแล้ว ไอ้ไก่บอกว่าพวกมึงอยู่เงียบและเดินตามพวกมันไป เราจะไม่เล่นงานพวกมันหน้าโรงเรียนเพราะว่านี่คือถิ่นของศัตรู

      "ไอ้เป้ง มึงเอาปืนมาไหม" ไอ้ไก่สั่งไอ้เป้งที่ยืนอยู่ข้างๆผม "เฮ้ยมึงเล่นถึงปืนเลยเหรอวะ ไอ้ไก่" ผมพูดเมื่อเห็นลำกล้องสีดำเมื่อมวาวที่โผล่พ้นกระเป๋าของไอ้เป้ง

      "เออสิวะ กะยิงแ ม่ง แต่ไม่ให้ถึงตายหรอก เอาแค่มันเป๋เดินไม่ได้ก็พอ" ผมได้แต่ถอนหายใจถ้าไม่ถึงตายซะยังไงซะตอนนี้จะถอยก็คงโดนหมายหัวและกระสุนนี้อาจจะมาเข้าตัวผมเองก็ไม่รู้


      บนโต๊ะอาหารพ่อยังคงรอผมอย่างกระวนกระวายใจ บรรดาเพื่อนสนิทของพ่อต่างขอตัวกลับก่อนกันทีละคนสองคนเมื่อพ่อยังยืนยันที่จะรอผมกลับมาก่อนแล้วค่อยเริ่มรับประทานอาหารกัน จากเดิมที่พ่อเริ่มยืนเดินไปในบ้าน พ่อก็เริ่มเดินวนออกมาเดินภายในบ้านและวนรอบบ้าน จนสุดท้ายพ่อตัดสินใจล็อคประตูบ้านและเดินออกมาพร้อมร่มที่กางเพราะคิดว่าผมอาจจะไปติดฝนอยู่ที่ไหนแล้วกลับมาไม่ได้


      จุดที่ผมอยู่ห่างจากบ้านไม่มากนักอาจจะเรียกได้ว่าห่างจากบ้านแค่ป้ายรถเมล์เดียว ผมและเพื่อนๆ วิ่งไล่นักเรียนของฝ่ายตรงข้าม ในมือผมถือดาบยาวครึ่งเมตร และวิ่งไล่ไปในจังหวะกระชั้นชิด นักเรียนคนนั้นก็รีบปั่นสปีดวิ่งหนีอย่างไม่คิดชิวิต ทางผมก็ได้แต่ตะโกนให้ผู้คนหลีกทาง แต่เหมือนทุกคนจะรู้และไม่มีผู้ใดอยากเข้ามาเกี่ยวข้องและได้รับลูกหลงไป อีกไม่กี่อึดใจผมก็จะวิ่งไล่ทันนักเรียนคนนั้นอยู่แล้ว เสียงปืนจากกระบอกก็ดังลั่นขึ้นมาสามนัด นัดแรกเหมือนจะเข้าเป้า นักเรียนคู่อริล้มลงอย่างช้าๆ จนผมที่วิ่งตามขึ้นมาเสียวสันหลังวูบเมื่อกระสุนนัดที่สองเฉียดผ่านกกหูผมไป แต่ด้วยความเร็วผมก็ไปสะดุดขาของนักเรียนคนนั้นล้มลงและเป็นจังหวะเดียวกับกระสุนนัดที่สามพุ่งผ่านออกไปยังชายถือร่มคันนึงที่ร้องเรียกอย่างสุดเสียงและกระโจนเข้ามา

      "เม้งงงงงง" พ่อทิ้งร่มและรีบวิ่งเข้ามาประคองผมขึ้นมา ผมไม่เป็นอะไรแค่หกล้มลงไปและนักเรียนคนนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่กระสุนเฉียดหัวไหล่และล้มลง แต่ตอนนี้เสื้อผมกลับเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือด ตอนนี้พ่อกำลังกอดผมด้วยความตกใจกลัวว่าผมจะเป็นอะไรเนื่องจากผมล้มลงไป

      "พ่อ มาได้ไง" ผมผละออกจากพ่อก็ยิ่งทำให้เห็นเลือดออกมาจากพ่ออย่างชัดเจน พ่อถูกยิงเข้าไปที่ลำตัว

      "ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม" ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจเข้ามาถึงยังที่เกิดเหตุพอดี พ่อถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆ ผมถูกคุมตัวไปโรงพักส่วนผมได้รับการยกเว้นชั่วคราวเพราะต้องพาพ่อไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด ผมเอามือกุมมือพ่อเอาไว้ ผมไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้มาก่อนเลย วันนี้พ่อกลับเสียน้ำตา และร้องไห้ให้กับผม

      "เม้ง พ่อขอนะวันเกิดของพ่อ ต่อไปนี้เม้งกลับบ้านเร็วๆนะ กลับถึงบ้านก่อนพ่อนะ" พ่อยังคงกุมมือผมไว้แม้ตอนนี้เสียงพ่อจะเบาลงทุกขณะ

      "พ่อ ผมสัญญา" และพยาบาลก็เข็นพ่อไปอีกทางและกันผมออกไป


      หลังจากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้แม้พ่อจะยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ผมจะกลับตัวกลับตัวกลับใจได้ แต่อดีตและความสูญเสียไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้อีกหน แม้ผมจะทำตัวเป็นลูกที่ดี กลับบ้านให้ตรงเวลา หาข้าวกับข้าวให้พ่อกินทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอ แต่วันนี้พ่อก็ไม่สามารถจะตอบสนองผมได้อีก พ่อยังคงนอนอยู่บนเตียงถึงแม้จะมีพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และวันนี้ผมอยากจะบอกพ่อว่า
      "พ่อผมขอโทษ ไอ้เม้งลูกพ่อกลับตัวได้แล้วนะ พ่อรีบๆหายล่ะ" ผมกระซิบที่ข้างหูพ่อทุกวัน โดยไม่รู้ว่าวันนี้ประสาทการได้ยินเสียงของพ่อจะยังคงใช้ได้อยู่หรือเปล่า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×